เมื่อวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 10.00 น. นาย Arnon Volosky นายกสมาคมร้านอาหารต่างชาติอิสราเอล พร้อมด้วยนาย Amit Gross และนาย Moti Philip ทนายความประจำสำนักงานทนายความ Doron, Tikotsky, Kantor, Gutman, Ness and Amit Gross & Co (DTKG&G) เข้าพบนายโชติวัฒน์ ธิสาร อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ณ ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อหารือแนวทางในการขยายตลาดแรงงานพ่อครัวไทยในรัฐอิสราเอล
ปัจจุบันร้านอาหารต่างชาติที่เป็นสมาชิกของสมาคม IERA จำนวน 350 แห่ง แบ่งเป็น ร้านอาหารที่ให้บริการจำหน่ายเฉพาะอาหารไทย จำนวน 10 แห่ง และร้านอาหารที่ให้บริการจำหน่ายอาหารไทยในเมนูรวมกับอาหารชาติอื่น จำนวน 175 แห่ง ทั้งนี้ การเปิดให้บริการเฉพาะอาหารไทยในเมนูยังไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากผู้ประกอบการต้องการเพิ่มความหลากหลายของประเภทอาหารในเมนู ในส่วนของตลาดแรงงานพ่อครัวในภาคธุรกิจร้านอาหารต่างชาติในรัฐอิสราเอล แบ่งเป็น พ่อครัวจีนประมาณร้อยละ 60 และพ่อครัวไทยประมาณร้อยละ 40 ทั้งนี้ พ่อครัวต่างชาติที่ทำงานในรัฐอิสราเอลโดยเฉลี่ยหลังจากหักเงินสมทบตามกฎหมาย ภาษี ณ ที่จ่าย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จะมีรายได้ประมาณวันละ 500 – 600 เชคเกล (ประมาณ 4,500 – 5,400 บาทต่อวัน)
แนวทางในการขยายตลาดแรงงานพ่อครัวไทยในอิสราเอล ควรพิจารณาจัดทำสูตรการประกอบอาหารไทยโดยปฏิบัติตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอาหารที่ถูกต้องสอดคล้องกับอาหารโคเชอร์ เพื่อเพิ่มความนิยมในอาหารไทยของชาวอิสราเอล จะยังผลให้มีการลงทุนเปิดร้านอาหารที่ให้บริการจำหน่ายเฉพาะอาหารไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการพ่อครัวไทยในรัฐอิสราเอลมีจำนวนเพิ่มขึ้นตามลำดับ