สืบเนื่องจากวันที่ 3-6 ธันวาคม 2553 ได้เกิดไฟไหม้ป่าในแถบเทือกเขาคาเมล กินพื้นที่มากกว่า 50,000 ไร่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 42 คน และส่งผลกระทบต่อคนงานไทยที่ทำงานในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุประมาณ 70 คน ดัง นั้นในวันที่ 11 ธันวาคม 2553 ฝ่ายแรงงานจึงได้เดินทางไปเยี่ยมคนงานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุไฟไหม้ป่าที่ ทำงาน ณ คิบบุตส์เบตโอเร็นและโมชาฟเมกาดิม
คิบบุตย์เบตโอเร็น มี คนงานไทยทำงาน 19 คน ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 01.30 น.เพลิงได้ลุกลามเข้ามาใกล้บริเวณที่พักอาศัยของคนงาน นายจ้างจึงอพยพคนงานทั้งหมดไปยังสถานที่ปลอดภัยซึ่งอยู่ห่างจากที่พักอาศัย เดิมประมาณ 5 กิโลเมตร และเข้าพักอาศัยอยู่เป็นเวลา 3 วันจึงได้ย้ายคนงานกลับเมื่อไฟป่าสงบ ขณะนี้คนงานทำงานตามปกติมีขวัญและกำลังใจดี ไม่มีทรัพย์สินเสียหายเนื่องจากดับไฟได้ก่อนที่จะลุกลามเข้ามาถึงที่พักอาศัยของคนงาน คนงานมีสภาพความเป็นอยู่และสภาพการทำงานเป็นที่น่าพอใจ ได้รายได้ประมาณเดือน 65,000 บาท ฝ่ายแรงงานได้เตือนให้ระมัดระวังเรื่องการจุดไฟเผาขยะอย่าประมาทต้องมีคนดูแลตลอดเวลาจนกว่าไฟจะดับสนิท
โมชาฟเมกาดิม มี คนงานไทยทำงาน 5 คนในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.30 น.ไฟป่าได้ลุกลามเข้ามาใกล้ที่พักอาศัยของคนงาน นายจ้างจึงอพยพคนงานออกนอกพื้นที่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร ขณะนี้คนงานได้กลับมาพักอาศัยและทำงานตามปกติไม่มีทรัพย์สินเสียหายเนื่อง จากดับไฟได้ทันก่อนที่จะลามมาถึงที่พักอาศัยของคนงาน คนงานมีขวัญและกำลังใจดี คนงานมีสภาพความเป็นอยู่และสภาพการทำงานเป็นที่น่าพอใจมีรายได้เดือนละ 50,000 บาท ฝ่ายแรงงานได้พบคนงานไทยที่วีซ่าใกล้ ครบกำหนด 63 เดือนและต้องกลับประเทศไทยได้แสดงความเห็นว่า อิสราเอลยังเป็นประเทศหนึ่งที่คนไทยน่าจะมาทำงานเนื่องจากมีรายได้ดีและมี สภาพความเป็นอยู่คล้ายกับหมู่บ้านในประเทศไทย แต่คนไทยที่มาทำงานต้องรู้จักรับผิดชอบเก็บเงินเพื่อเป็นทุนตั้งตัวเมื่อ เสร็จสิ้นการทำงานในอิสราเอลแล้ว แต่ขณะนี้คนงานไทยรุ่นที่มาใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอายุน้อย ขาดความรับผิดชอบทำให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนันและยาเสพติด ซึ่งส่งผลให้คนงานไทยในภาพรวมเสียชื่อเสียงไปด้วย