ในวันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม 2553 ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เดินทางขึ้นสู่ที่ราบสูงโกลาน(Golan) ทางภาคเหนือของประเทศอิสราเอล เพื่อตรวจเยี่ยมแรงงานไทยที่คิบบุตส์เอ็น ซีวาน (Kibbutz : Ein Zivan) และคิบบุตส์ออร์ทัล (Kibbutz : Ortal) ก่อนเดินทางถึงที่ราบสูงโกลาน คณะของเราต้องเดินทางผ่านเทือกเขาที่สูงชัน มองเห็นสวนผลไม้อยู่ไกลๆ สองข้างทาง แต่เมื่อพ้นแนวเขตสวนก็มีแต่ความแห้งแล้ง ซึ่งเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของดินแดนแถบนี้ เพราะภูเขาที่เห็นแท้จริงเต็มไปด้วยหินและดินทรายที่พืชพันธุ์ธรรมชาติไม่ น่าจะเติบโตได้ รถวิ่งไปตามถนนที่ขึ้นสูงๆต่ำๆและคดเคี้ยวไปมาตลอดเส้นทาง ในที่สุดก็ขึ้นสู่ที่ราบสูงโกลานอันกว้างใหญ่มีลักษณะที่เรียกว่าTable Land ซึ่งสองข้างทางเราจะมองเห็นการเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกครั้งใหม่ สลับไปกับสวนแอปเปิ้ลที่มีลูกเล็กๆสีเขียวและเหลืองติดอยู่ตามกิ่งก้าน เมื่อคณะของเราเดินทางถึงคิบบุตส์เอ็น ซีวาน (Kibbutz : Ein Zivan) เป็นเวลาประมาณ 12.30 น. อากาศบนที่ราบสูงโกลานค่อนข้างเย็นแม้จะเป็นฤดูร้อน คนงานเล่าว่า ในฤดูหนาวอากาศจะหนาวเหน็บขนาดมีหิมะตกทีเดียว ระหว่างการรอคอยให้คนงานมาพร้อมกัน มีผู้หญิง ไทยคนหนึ่งเข้ามาทักทาย เราจึงทราบว่าเธอไม่ได้ทำงานที่โมชาฟแห่งนี้ หากแต่มาอาศัยอยู่ชั่วคราวระหว่างรอการเปลี่ยนงาน วันนี้เราจึงขอนำประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศของเธอมาเล่าสู่กันฟัง
นางสาวนัทธ์หทัย สรรค์ศรัทธา อายุ 39 ปี เป็นคนจังหวัดขอนแก่น เดินทางมาทำงานที่อิสราเอลเป็นประเทศที่ 2 ครั้งแรกเธอเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้เป็นเวลา 7 ปี เมื่อปี 2547 โดยทำงานในโรงงานผลิตเครื่องมืออิเล็คทรอนิคส์ โรงงานพลาสติก และสุดท้ายโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์ ช่วงแรกเธอสามารถส่งเงินกลับบ้านได้เดือนละมากกว่า 30,000 บาท และเมื่อค่าเงินวอนตกทำให้เธอส่งเงินกลับบ้านได้น้อยลงเหลือเดือนละ 27,000 บาท แต่อย่างไรก็ตามเธอสามารถปลูกบ้านได้หนึ่งหลัง พร้อมกับส่งเงินให้ลูก 2 คนได้อีกเดือนละหนึ่งหมื่นบาท เมื่อเราถามถึงสาเหตุที่เธอมาพำนักที่คิบบุตส์แห่งนี้ เธอเล่าว่า เธอมาถึงอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2553 เพื่อทำงานดูแลคนชรา ที่คิบบุตส์ เอ็น ซีวาน เมืองไทบีเรียส(Tiberius) นายจ้างของเธอเป็นหญิงชราอายุ 80 ปี ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ดังนั้นจึงมักจะใช้ให้เธอทำงานบ้านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เธอรู้สึกเครียดจึงขอย้ายงานใหม่ และได้งานดูแลหญิงชราอายุประมาณ 70 ปี ที่เมืองไทบีเรียสเช่นกัน เธอเล่าว่า งานดูแลคนชราเป็นงานที่ต้องรับผิดชอบเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันเธอมีหน้าที่วัดความดันโลหิต ตรวจน้ำตาลในเลือด และฉีดยาให้หญิงชราด้วย โดยจะได้รับค่าจ้างหลังหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้วประมาณ 2800 เชคเกล แต่เนื่องจากหญิงชรามีบุตรชายอายุประมาณ 50 ปี มาพำนักอยู่ด้วยและแสดงทีท่าไม่น่าไว้วางใจ เธอจึงแจ้งบริษัทจัดหางานอิสราเอลให้เปลี่ยนงานใหม่ โชคดีที่เพื่อนของเธอรู้จักคนงานไทยในคิบบุตส์แห่งนี้ จึงช่วยเหลือให้เธอได้มาอาศัยอยู่ชั่วคราว
ก่อนจากกันเราได้แต่หวังว่าเธอจะโชคดีได้งานใหม่ที่ดีกว่าที่ผ่านๆมาและนี่ คือชีวิตการทำงานของคนไทยคนหนึ่งในอิสราเอล ซึ่งมีทั้งคนที่สมหวังและผิดหวังคละเคล้ากันไปบนถนนของการเดินทาง