เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2553 ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ตรวจเยี่ยมคนงานที่โมชาฟฮาเวตซิคิม พบว่ามีคนงานไทยทั้งหมด 11 คน โดยคนงานเหล่านั้นจะทำหน้าที่ปลูกหอมหัวใหญ่และมะเขือม่วงเพื่อส่งขายในประเทศและส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดในต่างประเทศด้วย เนื่องจากกิจการมีขนาดใหญ่นายจ้างจึงต้องจ้างคนงานอิสราเอลเชื้อสายอาหรับเข้ามาทำงานร่วมกับคนงานไทยประมาณวันละ 100 คน เพื่อทำหน้าที่เก็บผลผลิตในลักษณะเช้ามา- เย็นกลับ
ฝ่ายแรงงานฯ ได้สอบถามถึงปัญหาในการทำงานของคนงานทราบว่า นายจ้างจ่ายค่าจ้างช้ากว่ากำหนดออกไปประมาณ 8-10 วัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะกิจการดังกล่าวดำเนินการในลักษณะการร่วมหุ้นลงทุน และเป็นการค้าพืชผลทางการเกษตรขนาดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเก็บรวบรวมรายได้ในแต่ละงวดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทซึ่งรวมถึงค่าจ้างแรงงานด้วย อย่างไรก็ดีคนงานไทยที่นี่ทุกคนมีรายได้สูงเมื่อเปรียบเทียบกับคนงานในกิจการอื่น คือ มีรายได้เดือนละประมาณ 65,000 บาท และมีสภาพการทำงานและสภาพความเป็นอยู่เป็นที่น่าพอใจ ไม่มีการค้างจ่ายค่าจ้าง ฝ่ายแรงงานจึงได้ทำความเข้าใจกับคนงานถึงการทำงานร่วมกับนายจ้างให้มีความเห็นใจและเข้าใจการดำเนินธุรกิจของนายจ้างด้วย และได้มอบธงและอุปกรณ์กีฬาแก่คนงานไทยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจก่อนจากกัน